ภาษาพื้นฐานใน Bitcoin Core 👾💬🤖
อธิบายโดย : Claude 3.7 Sonnet
👤 : ภาษา C , C++ , C#
เหมือนและต่างกันอย่างไร และถูกพัฒนาไปเป็นภาษาอะไรแล้วบ้าง และพัฒนาเป็นอะไรบ้าง ?
💬 : ภาษา C, C++ และ C# เหมือนและต่างกันอย่างไร
ความเหมือนและความแตกต่าง
ภาษา C
เป็นภาษาโปรแกรมมิ่งระดับกลาง พัฒนาโดย Dennis Ritchie ที่ Bell Labs ในช่วงปี 1972
เป็นภาษาเชิงกระบวนการ (Procedural) ที่มุ่งเน้นฟังก์ชัน
ไม่มีแนวคิดการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ (Object-Oriented Programming)
มีการจัดการหน่วยความจำแบบ Manual
มีประสิทธิภาพสูงและใช้ทรัพยากรน้อย
ใช้มากในการพัฒนาระบบปฏิบัติการ เฟิร์มแวร์ และซอฟต์แวร์ระดับล่าง
ภาษา C++
พัฒนาต่อจากภาษา C โดย Bjarne Stroustrup ในปี 1983
เพิ่มความสามารถเชิงวัตถุแต่ยังคงรองรับการเขียนแบบ C
มีคุณสมบัติเพิ่มเติม เช่น คลาส, การสืบทอด (Inheritance), Polymorphism
มี Templates สำหรับการเขียนโปรแกรมเชิงกฎเกณฑ์ (Generic Programming)
การจัดการข้อผิดพลาดด้วย Exceptions
ยังคงต้องจัดการหน่วยความจำเอง แต่มีเครื่องมือช่วยเพิ่มขึ้น
ใช้สำหรับพัฒนาเกม ระบบเครือข่าย และซอฟต์แวร์ที่ต้องการประสิทธิภาพสูง
ภาษา C# (C Sharp)
พัฒนาโดย Microsoft ในปี 2000 เป็นส่วนหนึ่งของ .NET Framework
เป็นภาษาเชิงวัตถุอย่างสมบูรณ์
มีการจัดการหน่วยความจำอัตโนมัติด้วย Garbage Collection
มีคุณลักษณะทันสมัย เช่น LINQ, Lambda Expressions, Async/Await
รองรับ Properties, Events, Delegates
มีระบบนิยามประเภท (Type System) ที่ปลอดภัยมากขึ้น
ใช้สำหรับพัฒนาแอปพลิเคชัน Windows, เว็บไซต์, เกม (Unity), และแอปพลิเคชันมือถือ
การพัฒนาต่อยอด
จากภาษา C พัฒนาเป็น
C++ (เพิ่มความสามารถ OOP)
Objective-C (ใช้ใน Apple macOS และ iOS ก่อนหน้า Swift)
D (เป็นการปรับปรุง C++ โดยเน้นความง่ายและปลอดภัยมากขึ้น)
Go (พัฒนาโดย Google เพื่อทดแทนความซับซ้อนของ C++)
Rust (เน้นความปลอดภัยของหน่วยความจำแต่ยังคงประสิทธิภาพเทียบเท่า C)
จากภาษา C++ พัฒนาเป็น
C++11, C++14, C++17, C++20 (มาตรฐานเวอร์ชันใหม่ที่เพิ่มคุณสมบัติมากมาย)
CUDA C++ (สำหรับการโปรแกรมการ์ดจอ NVIDIA)
Swift (ได้รับอิทธิพลบางส่วนจาก C++ และทดแทน Objective-C ใน Apple)
จากภาษา C# พัฒนาเป็น
C# 2.0 ถึง C# 11.0 (เวอร์ชันล่าสุด ณ ปี 2024)
F# (ภาษาเชิงฟังก์ชันบนแพลตฟอร์ม .NET)
Visual Basic .NET (ถูกออกแบบให้ทำงานร่วมกับ C# บน .NET)
PowerShell (ใช้หลักการจาก .NET และ C#)
Blazor (เฟรมเวิร์คสำหรับพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันโดยใช้ C#)
ทั้งสามภาษามีอิทธิพลต่อวงการโปรแกรมมิ่งอย่างมาก โดย C เป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาภาษาโปรแกรมมิ่งสมัยใหม่หลายภาษา C++ เพิ่มความสามารถเชิงวัตถุในขณะที่ยังรักษาประสิทธิภาพสูง และ C# เป็นภาษาที่ทันสมัยที่รวมความสะดวกในการพัฒนาเข้ากับความสามารถที่หลากหลายบนแพลตฟอร์ม .NET
👤 : กำลังศึกษาการเป็น reviewer และ contributor ใน bitcoin core
และอ่านๆในบทความ dev bitcoin แนะนำให้ศึกษา c++ กับ python
จึงอยากเข้าใจและเห็นภาพก่อนว่าจะต้องเจอกับคำสั่งไหน ของภาษาใด เป็นหลักบ้าง เพื่อที่จะได้ทำความเข้าใจโครงสร้างของ codebase ทั้งหมด และจะได้ศึกษาได้ตรงจุดต่อไป ? 💬 : การเตรียมตัวเป็น Reviewer และ Contributor สำหรับ Bitcoin Core
การเป็น reviewer และ contributor ใน Bitcoin Core เป็นเป้าหมายที่ดีมาก! Bitcoin Core นั้นเขียนด้วยภาษา C++ เป็นหลัก โดยมี Python สำหรับเครื่องมือทดสอบและสคริปต์ช่วยต่างๆ ผมจะแนะนำโครงสร้างหลักและคำสั่งสำคัญที่คุณควรคุ้นเคยเพื่อเข้าใจ codebase
ภาษา C++ ใน Bitcoin Core
C++ เป็นภาษาหลักของ Bitcoin Core เนื่องจากความเร็ว ประสิทธิภาพ และการควบคุมหน่วยความจำได้ดี ต่อไปนี้คือส่วนประกอบหลักที่ควรศึกษา:
1. โครงสร้างพื้นฐาน C++ ที่ใช้บ่อยใน Bitcoin Core
คลาสและวัตถุ:
class
,struct
,public
,private
,protected
- เช่นclass CBlock
,class CTransaction
Smart Pointers:
std::unique_ptr<>
,std::shared_ptr<>
- ช่วยจัดการหน่วยความจำอัตโนมัติContainers:
std::vector<>
,std::map<>
,std::set<>
,std::unordered_map<>
- ใช้เก็บข้อมูลหลายๆ ประเภทTemplates: ใช้มากใน Bitcoin Core เพื่อสร้าง generic code
Concurrency:
std::thread
,std::mutex
,std::lock_guard<>
- สำหรับการทำงานแบบขนาน
2. ไลบรารีพิเศษที่ Bitcoin Core ใช้
Boost: เช่น
boost::signals2
สำหรับ event handlingCustom serialization framework: ใช้สำหรับการแปลงข้อมูลไปมาระหว่างรูปแบบเก็บข้อมูลและส่งข้อมูลในเครือข่าย
OpenSSL: สำหรับการเข้ารหัสและฟังก์ชันแฮช
3. ไดเร็กทอรีสำคัญใน Bitcoin Core (C++)
src/: โค้ดหลักของ Bitcoin Core
src/consensus/: กฎฉันทามติของ Bitcoin
src/primitives/: โครงสร้างข้อมูลพื้นฐาน เช่น block, transaction
src/script/: ภาษาสคริปต์ของ Bitcoin
src/wallet/: โค้ดที่เกี่ยวกับกระเป๋าเงิน
src/net/: การสื่อสารเครือข่าย P2P
src/validation/: การตรวจสอบบล็อคและธุรกรรม
src/rpc/: JSON-RPC API
src/policy/: นโยบายที่ไม่ใช่กฎฉันทามติ (เช่น fee estimation)
ภาษา Python ใน Bitcoin Core
Python ใช้หลักๆ สำหรับการทดสอบและเครื่องมือ:
1. การทดสอบ
test/functional/: ทดสอบการทำงานร่วมกันของคอมโพเนนต์ต่างๆ
Pytest framework: ใช้ทดสอบอัตโนมัติ
2. เครื่องมือและสคริปต์
contrib/: ไดเร็กทอรีนี้มีสคริปต์ Python หลายตัว
share/rpcauth/: สคริปต์สำหรับสร้าง authentication credentials
คำสั่งและแนวคิดพิเศษที่ควรรู้
C++ Concepts ที่เฉพาะเจาะจงใน Bitcoin Core:
RAII (Resource Acquisition Is Initialization): แนวคิดการจัดการทรัพยากรที่ใช้มากใน C++
Serialization framework:
RPC Commands:
Consensus rules:
Python patterns ที่นิยมใช้:
ใช้ Framework การทดสอบ:
RPC ผ่าน Python:
คำแนะนำในการเริ่มต้น
สร้างความคุ้นเคยกับ C++ ระดับกลาง-สูง:
Smart pointers
Templates
Move semantics (std::move)
Lambda expressions
Threading และ concurrency
เรียนรู้ Python สำหรับการทดสอบ:
pytest framework
RPCAuth
อ่านและทำความเข้าใจ test cases
เข้าใจหลักการพื้นฐานของ Bitcoin:
กลไก consensus
UTXO model
Blockchain validation
Transaction verification
P2P network protocol
เริ่มจากการศึกษา Pull Requests:
ติดตาม pull requests ใหม่ๆ ใน GitHub
อ่านโค้ดและ code reviews จากนักพัฒนาอื่นๆ
เริ่มทำการทดสอบง่ายๆ:
เขียนหรือปรับปรุง test cases
แก้ไขปัญหาเล็กๆ ใน documentation
ใช้ GitHub ของ Bitcoin Core เพื่อดูโค้ดจริง:
https://github.com/bitcoin/bitcoin
เครื่องมือที่ควรเรียนรู้
gdb/lldb: สำหรับ debug โปรแกรม C++
git: ควบคุมการเวอร์ชัน
CMake: ระบบการ build
Valgrind: หา memory leaks
clang-format: จัดรูปแบบโค้ด
เริ่มจากการคอมไพล์และรัน Bitcoin Core ในโหมด debug จากนั้นลองทดสอบด้วย Python test framework จะช่วยให้คุณเข้าใจวิธีการทำงานของระบบโดยรวมได้ดียิ่งขึ้น
เมื่อเริ่มมีความคุ้นเคยมากขึ้น ลองพิจารณาเริ่มต้นด้วยการแก้ไขเล็กๆ เช่น documentation fixes หรือแก้ bugs ง่ายๆ ที่มี tag "good first issue" ใน GitHub repository
Last updated