OP_ ต่างๆ / Bitcoin Script / Hash Preimage / BOLT / Taproot / Eltoo / STARK / ZKP 📜⚡️🐺🌳
อธิบายโดย : ChatGPT
👤 : อยากรู้คำสั่ง OP_ ต่างๆ และประวัติ
💬 : เยี่ยมเลยครับ คำสั่ง OP_ ต่างๆ ใน Bitcoin เป็นส่วนหนึ่งของ Bitcoin Script ซึ่งเป็นภาษาสคริปต์ที่ใช้ควบคุมการใช้จ่ายเหรียญ (UTXO) โดย Bitcoin Script เป็น stack-based, non-Turing complete language ที่ถูกออกแบบให้ปลอดภัยและจำกัดความสามารถเพื่อป้องกันการใช้ทรัพยากรมากเกินไป
1. ประวัติย่อของ Bitcoin Script และ OP_ Codes
2009: Bitcoin เปิดตัวโดย Satoshi Nakamoto โดยมาพร้อม Bitcoin Script เพื่อกำหนดเงื่อนไขการใช้จ่ายของแต่ละ transaction
Script มีลักษณะเหมือน “ภาษาคำสั่งประกอบ” (assembly-like) และไม่ได้มี loop หรือฟังก์ชัน recursive เพื่อให้แน่ใจว่าการประมวลผลจะไม่ใช้เวลาหรือพลังงานมากเกินไป
OP_CODES คือคำสั่งที่ใช้ใน Script เช่น OP_DUP, OP_HASH160, OP_EQUALVERIFY, OP_CHECKSIG เป็นต้น
2. หมวดของ OP_CODES ที่ใช้บ่อย
A. Stack Operations
จัดการข้อมูลใน stack (push, pop, duplicate, swap)
OP_DUP: ทำสำเนาข้อมูลบนสุดใน stack
OP_DROP: ลบข้อมูลบนสุด
OP_SWAP: สลับตำแหน่งของข้อมูล 2 ตัวบนสุด
OP_OVER: ดึงค่าตัวที่สองจากบนสุดมาคัดลอกไว้บนสุด
B. Arithmetic & Logic
การคำนวณหรือเปรียบเทียบ
OP_ADD, OP_SUB, OP_EQUAL
OP_0, OP_1, … OP_16: เป็นค่าคงที่
OP_BOOLAND, OP_BOOLOR, OP_NOT
C. Crypto Operations
คำสั่งเกี่ยวกับแฮชและลายเซ็น
OP_HASH160: = RIPEMD160(SHA256(x)) ใช้ใน P2PKH
OP_CHECKSIG: ตรวจสอบลายเซ็น
OP_CHECKMULTISIG: สำหรับ multi-signature
OP_SHA256, OP_HASH256, OP_RIPEMD160
D. Control Flow
คำสั่งควบคุมการทำงาน
OP_IF, OP_ELSE, OP_ENDIF
OP_VERIFY: ตรวจสอบค่าบน stack ถ้า false จะล้มเหลวทันที
OP_RETURN: ใช้ในการ “ปิด” script และแสดงว่า transaction นั้นใช้สำหรับฝังข้อมูล
3. OP_RETURN คืออะไร?
OP_RETURN เป็นคำสั่งพิเศษที่ถูกใช้เพื่อ เก็บข้อมูลบนบล็อกเชน โดยไม่สามารถนำ output นั้นไปใช้งานได้อีก (เป็น unspendable)
ถูกเพิ่มเข้ามาในปี 2014 (BIP 62) เพื่อให้มีวิธีเก็บข้อมูลที่ “ปลอดภัย” แทนการใช้ address ปลอม
จำกัดขนาดข้อมูลไว้ไม่เกิน 80 bytes (บาง node ปรับให้มากหรือน้อยได้)
นิยมใช้โดยโปรเจกต์ที่ต้องการเก็บ metadata เช่น:
Proof-of-existence (เช่น OpenTimestamps)
Colored coins
NFT (ยุคแรกๆ บน Bitcoin)
ข้อความแฝงหรือมีมอย่างที่คุณเห็นในโพสต์
ถ้าคุณสนใจ ผมสามารถทำ ตารางรวม OP_CODE ทั้งหมด พร้อมคำอธิบายสั้นๆ ให้ได้เลยครับ — อยากได้ไหม?
👤 : อยากได้
และมีคำถามว่า op ย่อมาจาก operation ใช่ไหม
และอยากเห็นตัวอย่างของ script pattern stack ในแบบต่างๆ
💬 : ยอดเยี่ยมมากครับ คำถามนี้พาเราเข้าใจลึกถึง “วิวัฒนาการ” ของ Bitcoin Script และแนวคิดเบื้องหลังการพัฒนา Lightning Network (LN) ซึ่งเป็น Layer-2 ที่ใช้ Bitcoin Script (แบบจำกัดและประยุกต์) เพื่อให้เกิดระบบการชำระเงินที่ เร็วกว่า, ค่าธรรมเนียมน้อยกว่า, และ ไม่ต้องบันทึกทุกธุรกรรมบน-chain
เบื้องหลัง: ทำไมต้องมี Lightning Network?
Bitcoin on-chain:
ทุกธุรกรรมต้องถูก broadcast, ตรวจสอบ, และบันทึกใน block → ช้า & ค่าธรรมเนียมสูง
ไม่เหมาะกับ micro-payment หรือธุรกรรมบ่อยๆ
แนวคิด:
เปิดช่องทางการชำระเงิน (payment channel) ระหว่างสองฝ่าย และใช้ script เฉพาะในการล็อกเงินไว้แบบ “เงื่อนไขพิเศษ” แล้วค่อย “ปิด” ช่องทางด้วยการ settle บน-chain แค่ตอนสุดท้าย
หลักการพื้นฐานของ Lightning Network
1.P2WSH Script (Pay to Witness Script Hash)
Lightning ใช้ Script แบบซับซ้อน ซ่อนไว้หลัง hash เช่น multi-sig, timelock, หรือ hashlock
→ แล้วใช้ P2WSH เพื่อย่อ script และประหยัดพื้นที่
2.HTLC (Hash Time-Locked Contract)
– หัวใจของ LN
HTLC เป็น Script ที่บอกว่า:
“คุณจะได้เงิน ถ้า:
มี secret (hash preimage) ภายในเวลา T
หรือเงินจะคืนกลับให้เจ้าของเดิม”
Script หลัก (HTLC) เป็นประมาณนี้:
IF
<receiver_pubkey> CHECKSIGVERIFY
HASH160 <hash_preimage> EQUAL
ELSE
<timeout> CHECKLOCKTIMEVERIFY DROP
<sender_pubkey> CHECKSIG
ENDIF
แนวคิด:
ฝั่งรับจะได้เงินถ้ามี secret (hash preimage)
ถ้าเลยเวลา timeout → เงินจะคืนให้ผู้ส่ง
ไม่มีฝ่ายใดโกงได้ เพราะต้องแสดงหลักฐานแบบ cryptographic
วิวัฒนาการจาก Bitcoin Script → Lightning
Feature
Bitcoin Script (Base Layer)
Lightning Network (Layer 2)
ธุรกรรมทั่วไป
P2PKH, P2WPKH
Multi-sig + timelock + hashlock (HTLC)
การใช้ OP_
ใช้ OP_DUP, OP_HASH160, OP_CHECKSIG
เพิ่ม CHECKLOCKTIMEVERIFY, CHECKSEQUENCEVERIFY
ความปลอดภัย
ทุกธุรกรรมตรวจสอบแบบ global
LN ตรวจสอบแบบ peer-to-peer, ใช้ watchtower ป้องกันโกง
การชำระเงินเร็ว
ทุกธุรกรรมรอ confirmation
LN ทำแบบ off-chain → fast & cheap
ความเป็นส่วนตัว
ทุกธุรกรรมมองเห็นได้หมด
LN ไม่เผยแพร่ทุกรายการบน-chain
ภาพรวมการทำงานของช่องทาง Lightning
เปิด channel:
ผู้ใช้ 2 คนล็อกเงินใน script multi-sig ที่มี timelock
ใช้ OP_CHECKMULTISIG + OP_CHECKLOCKTIMEVERIFY
แลก IOU (commitment tx):
ทั้งสองฝ่ายตกลง IOU แบบ off-chain
มีเงื่อนไขว่า ถ้ามีการโกง → ฝ่ายตรงข้ามสามารถใช้ timelock หรือ secret มาชิงเงินกลับได้
ปิด channel:
บันทึกผลสุดท้ายลง blockchain (settlement)
หากคุณต้องการ ผมสามารถ วาดไดอะแกรม stack-based ของ HTLC หรือขั้นตอนการเปิด-ปิด channel พร้อม script ได้เลย — อยากดูไหมครับ?
👤 : - hash preimage หรือ secret มาจากไหน มีที่มาและการคำนวณอย่างไร
- และมาตรฐาน BOLT นั้นมีกี่อย่าง และมีพัฒนาการอย่างไร
- การพัฒนา taproot นั้น ต่อยอดมาจาก lightning หรือไม่ หรือคนละแขนงกัน แต่ไปด้วยกันได้
💬 : คำถามเหล่านี้ยอดเยี่ยมมากครับ และแต่ละข้อพาเราเข้าสู่แก่นของการออกแบบและวิวัฒนาการของ Bitcoin และ Lightning Network อย่างแท้จริง ผมจะตอบให้ครบโดยแยกเป็นหัวข้อดังนี้:
1. Hash Preimage / Secret คืออะไร?
ที่มา:
ใน Lightning Network (และระบบที่ใช้ HTLC), “secret” หรือ hash preimage คือข้อมูลลับที่เมื่อแฮชแล้ว จะได้ค่าที่อีกฝ่ายรู้ล่วงหน้า
ผู้รับเงินจะต้อง “เปิดเผย secret” เพื่อให้ได้ค่าที่ตรงกับ hash
ผู้ส่งสามารถมั่นใจว่าเงินจะถูกปล่อยออก ก็ต่อเมื่อ secret ถูกเปิดเผยเท่านั้น
วิธีสร้าง:
secret = random_32_bytes()
hash = SHA256(secret)
ตัวอย่าง:
secret = b'some_random_secret_32bytes'
hash = SHA256(secret) = 0xabc123...
ใช้ใน HTLC อย่างไร:
ฝั่ง A ส่งเงินให้ B โดยล็อกไว้ว่า “ต้องเปิดเผย secret ที่ hash แล้วเป็น 0xabc123...”
B เปิดเผย secret → ได้เงิน และ A ก็เห็น secret → ใช้มันไปรับเงินต่อใน path ถัดไป
สรุป:
secret = ค่าที่ฝ่ายหนึ่งสร้างเอง (สุ่ม)
hash = ค่าที่ใช้ในเงื่อนไขของ script
ระบบนี้เรียกว่า hashlock (ล็อกด้วยแฮช) + timelock (หมดอายุเมื่อถึงเวลา)
2. มาตรฐาน BOLT (Basis of Lightning Technology)
จำนวนและหัวข้อหลัก:
[ณ ปัจจุบัน (2024)] มี BOLT 1 ถึง BOLT 12
แต่ที่ถูกใช้งานจริงใน protocol หลักส่วนใหญ่จะอยู่ที่ BOLT 1 - 11
BOLT
หัวข้อ
1
การตั้งค่าระบบพื้นฐาน (base protocol)
2
peer protocol (handshake และ encryption)
3
ช่องทางชำระเงิน (channel states)
4
HTLC protocol
5
การปิดช่องทางแบบ cooperative หรือ force
6
onion routing (routing packets แบบลับ)
7
การสื่อสารผ่าน gossip ระหว่าง node
8
Encrypted transport
9
Features negotiation
10
Watchtowers
11
Payment invoices
12
Offers (โปรโตคอลใหม่ สำหรับ LNURL ฯลฯ) ← ใหม่มาก
พัฒนาการ:
เริ่มต้นในปี 2016 (หลัง Lightning whitepaper ปี 2015)
พัฒนาแบบ open spec โดย Core Lightning, LND, Eclair ร่วมกัน
BOLT ใหม่ๆ เช่น BOLT 12 → กำลังพัฒนาเพื่อรองรับ “offers” และการใช้ Lightning แบบไม่ต้องขอ invoice ล่วงหน้า
3. Taproot: เกี่ยวกับ Lightning หรือไม่?
Taproot กับ Lightning เป็นคนละแขนง แต่ส่งเสริมกันอย่างชัดเจน
Taproot คืออะไร?
Upgrade ของ Bitcoin (เปิดใช้งานในปี 2021)
นำเสนอ Schnorr Signature, Tapscript, และ MAST (Merkelized Abstract Syntax Tree)
ทำให้ script ที่ซับซ้อน (multi-sig, timelock, HTLC) ถูกซ่อน และดูเหมือนการใช้จ่ายธรรมดา
เกี่ยวข้องกับ Lightning อย่างไร?
Lightning ใช้…
Taproot ช่วยอย่างไร
HTLC scripts (เผยต่อสาธารณะ)
Taproot ช่วยทำให้ script ถูก “ซ่อน” (privacy)
Multi-sig channel
Schnorr → ลดขนาดและค่าธรรมเนียม
Key aggregation
ใช้ key เดียวแทนหลาย key
ประโยชน์:
เพิ่มความเป็นส่วนตัว → ทำให้ on-chain TX ที่ซับซ้อนดูเหมือนธรรมดา
ลดขนาด TX → ประหยัดค่าธรรมเนียม
เปิดทางให้กับฟีเจอร์ Lightning รุ่นใหม่ เช่น “eltoo” (protocol ใหม่ที่อาศัย Taproot)
สรุปสั้นๆ:
Secret ใน HTLC = ข้อมูลสุ่มที่ถูก hash แล้วใช้เป็นเงื่อนไข
BOLT = มาตรฐานหลักของ Lightning Network (1–12)
Taproot = คนละแนวกับ Lightning แต่เสริมพลังกันอย่างมาก โดยเฉพาะด้านความเป็นส่วนตัวและประสิทธิภาพ
หากคุณสนใจ ผมสามารถแสดง ตัวอย่าง HTLC script แบบใช้ Taproot หรืออธิบาย Eltoo (Lightning รุ่นใหม่) ต่อได้นะครับ — สนใจเจาะลึกต่อด้านไหนครับ?
👤 : - สนใจ แสดงตัวอย่างให้ดูหน่อย
- fuction หลักของ eltoo คืออะไร และมีการใช้งานจริงยังและใช้ในกรณีไหน
- ทำไมต้องมี watch tower และ script ของ watch tower มีลักษณะอย่างไร เกี่ยวกับ gossip protocol ไหม
- step ต่อไปจาก taproot คืออะไร , ใช่ OP_CAT ไหม หรือมีอะไรอีกบ้าง
💬 : ยอดเยี่ยมครับ คำถามทั้งหมดนี้เจาะลึกเข้าไปในการออกแบบ Layer-2 (Lightning Network), การประกันความปลอดภัย, และวิวัฒนาการของ Bitcoin Script ซึ่งกำลังจะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ผมจะตอบแต่ละหัวข้อให้ครบ พร้อมตัวอย่าง:
1. ตัวอย่าง HTLC Script แบบใช้ Taproot / Tapscript
ใน Taproot เราใช้ MAST (Merkelized Abstract Syntax Tree) เพื่อแยกเส้นทางการใช้จ่าย (spend paths) ออกเป็น branch แบบแยกกันได้ และใช้ Tapscript เพื่อเขียน logic ที่ยืดหยุ่นกว่า legacy script
HTLC-P2TR แบบ simplified:
IF
<receiver_pubkey> OP_CHECKSIGVERIFY
OP_SHA256 <payment_hash> OP_EQUAL
ELSE
<timeout> OP_CHECKLOCKTIMEVERIFY OP_DROP
<sender_pubkey> OP_CHECKSIG
ENDIF
Branch 1: หากฝ่ายรับมี secret → ใช้เงินได้
Branch 2: หากหมดเวลา → ฝ่ายส่งถอนเงินกลับได้
Taproot ช่วยให้ บน-chain มองไม่เห็นว่าเป็น HTLC เลย ถ้าทุกฝ่ายยินยอม (cooperative close)
2. Eltoo: ฟังก์ชันหลัก และสถานะการใช้งาน
ฟังก์ชันหลักของ Eltoo:
Eltoo คือ protocol ใหม่สำหรับ Lightning ที่เสนอวิธี อัปเดตสถานะ channel แบบ “replaceable” โดยไม่ต้องพึ่ง punishment (แบบ current LN)
หลักการ:
ใช้ sequence number (SIGHASH_ANYPREVOUT) เพื่อให้ TX ใหม่ แทนที่ สถานะเก่าอย่างถูกต้อง
ข้อดี:
ไม่ต้องใช้ punishment TX → ไม่ต้องกลัวฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโกงแล้วเสียหมด
ง่ายต่อการ implement multi-party channel (เช่น channel 3 คน)
ดีกว่า current LN ที่ต้อง “ลงโทษ” ถ้าเผย TX เก่า
สถานะการใช้งาน (2025):
ยังไม่ได้ใช้งานจริง เนื่องจาก Bitcoin ยังไม่ activate OP_CHECKSIGFROMSTACK และ SIGHASH_ANYPREVOUT
แต่มี spec draft และ PoC จากหลายกลุ่ม (Blockstream, Rusty Russell)
3. ทำไมต้องมี Watchtower? มี script อย่างไร?
ปัญหา:
ใน Lightning เวอร์ชันปัจจุบัน ถ้าคู่สัญญาเผย TX เก่า (โกง) → อีกฝ่ายต้อง “ตอบโต้ทันเวลา”
ถ้าไม่ออนไลน์หรือไม่เห็น → จะเสียเงิน
Watchtower คืออะไร:
เป็น third-party node ที่เฝ้าดู blockchain แทนเรา
ถ้าเห็น TX เก่าถูกเผยแพร่ → จะส่ง “penalty TX” เพื่อยึดเงินกลับมา
Script ที่เกี่ยวข้อง:
IF
<revocationpubkey> CHECKSIG
ELSE
<timelock> CHECKSEQUENCEVERIFY DROP
<normalpubkey> CHECKSIG
ENDIF
ถ้าเผย TX เก่า → watchtower ใช้ revocation key เพื่อยึดเหรียญ
ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น → ฝ่ายรับถอนเงินได้ตามปกติหลัง timelock
เกี่ยวกับ Gossip Protocol ไหม?
ไม่เกี่ยวโดยตรง
Gossip (BOLT 7) คือระบบประกาศ channel/node เพื่อ routing
Watchtower เป็นระบบ monitoring off-chain fraud
4. ขั้นตอนต่อไปหลัง Taproot คืออะไร? OP_CAT ใช่ไหม?
ใช่ครับ หนึ่งในขั้นตอนสำคัญที่กำลังพิจารณาใน Bitcoin คือ OP_CAT และคำสั่ง script อื่นๆ เช่น:
OP_CAT
รวม string/byte สองค่าบน stack → กลายเป็นค่าหนึ่ง
เคยมีใน Bitcoin ต้นแบบ แต่ถูกปิดเพราะกลัว “DoS” ตอนนั้น
หากเปิดใช้อีกครั้ง จะช่วยให้ script แบบ modular มากขึ้น เช่น:
ทำ covenant (ข้อจำกัดการใช้เงิน)
ใช้กับ Miniscript / Ark / ZeroSync ได้ดีขึ้น
รายการคำสั่ง (soft fork proposal ชุดใหม่):
OP_CAT – Concatenate
OP_CHECKSIGFROMSTACK – ตรวจลายเซ็นที่อยู่นอก txin
OP_TXHASH / OP_TAPLEAF_UPDATE_VERIFY – สำหรับ covenant
OP_CSFS, OP_TXINVOKE – สำหรับ Eltoo และ Ark
โครงการที่รอใช้ OP ใหม่เหล่านี้:
Covenants (เช่น Ark, BitVM)
Miniscript Enhancements
Eltoo
Zero-knowledge protocols บน Bitcoin
สรุปภาพรวม:
ประเด็น
สรุปสั้น
HTLC + Taproot
ใช้ Tapscript ซ่อน logic → ประหยัด + privacy
Eltoo
ใช้ SIGHASH_ANYPREVOUT → สถานะใหม่แทนสถานะเก่า
Watchtower
ป้องกันการโกง โดยส่ง penalty TX เมื่อเจอ TX เก่า
Post-Taproot Roadmap
OP_CAT, OP_CSFS, covenant, Ark, Eltoo, BitVM
ถ้าคุณต้องการ ผมสามารถวาด Stack Diagram ของ Eltoo, HTLC แบบ Taproot, หรืออธิบาย Ark / BitVM ต่อได้เลยครับ — สนใจเจาะลึกด้านไหนต่อ?
👤 : - ต้องการ stack diagram
- ใน Lightning เวอร์ชันปัจจุบัน ถ้าคู่สัญญาเผย TX เก่า (โกง) → อีกฝ่ายต้อง “ตอบโต้ทันเวลา”
ถ้าไม่ออนไลน์หรือไม่เห็น → จะเสียเงิน : หมายถึงยังไงอยากเห็นลำดับขั้นตอนของ script
- penalty TX เกิดขึ้นได้อย่างไร ความหมาย การยินยอม
- revocation key แปลว่าอะไร มีหน้าตาเป็นอย่างไร
- ทำไมถึงต้องกลัว DoS มี attack surface ตรงไหน
- Miniscript / Ark / ZeroSync หลักการและ function
- tap leaf น่าสนใจ
- OP_CSFS, OP_TXINVOKE ย่อมาจากอะไร ประวัติ
- eltoo คือ lightning ที่ channel ยืดหยุ่นใช่ไหม
💬 : นี่คือ ไดอะแกรมเปรียบเทียบ flow ของ Lightning Network:
ฝั่งซ้าย: แบบดั้งเดิม (ใช้ revocation + penalty TX)
ฝั่งขวา: Eltoo (ใช้ state version แบบ override ไม่มี punishment)
ต่อไปคือคำตอบแบบละเอียดสำหรับคำถามอื่น:
1. ZeroSync ต่างจาก SPV Client อย่างไร?
คุณสมบัติ
SPV Client
ZeroSync
วิธีตรวจสอบ
ตรวจ header + merkle proof
ใช้ Zero-Knowledge Proof (ZKP)
ข้อมูลที่ต้องโหลด
ต้องโหลด headers (≈60MB)
ไม่ต้องโหลดอะไร (โหลดแค่ proof)
ความเชื่อถือ
เชื่อ node ที่ให้ proof
เชื่อได้โดยคณิตศาสตร์ (SNARK/STARK)
ความเร็ว
เร็วปานกลาง
เร็วมาก (proof เดียว sync ได้เลย)
เป้าหมาย
Light wallet ใช้งานง่าย
Stateless full verification
สรุป: ZeroSync ทำให้คุณ “เชื่อว่า chain ถูกต้อง” โดยไม่ต้องดูข้อมูลใดเลย — เพราะ ZK proof รับรองให้ทั้งหมด
2. Recursive Contract คืออะไร?
ความหมาย:
Contract ที่สามารถ เรียกใช้งานตัวเอง หรือ contract อื่นซ้ำได้
คล้ายฟังก์ชันที่ทำ recursion หรือ logic tree
บางระบบเรียก “programmable Bitcoin” เช่น BitVM, Ark
ประวัติ:
เกิดจากแนวคิดของ Ethereum-style logic ที่นำมาปรับบน Bitcoin
ต้องการ opcode ใหม่ เช่น OP_TXINVOKE, OP_CAT, OP_CSFS
เหตุผลสำคัญ:
ทำให้ Bitcoin ใช้ smart contract ที่ซับซ้อนได้ โดยไม่ต้อง hard fork
มี use case เช่น:
Trustless swaps
ZK rollup verification
Vault logic / covenant แบบ branching
3. Channel Factories คืออะไร?
แนวคิด:
เปิด channel ใหญ่ 1 ชุด (multi-party)
จากนั้นแต่ละคู่ในชุด เปิด channel ย่อยในนั้น โดยไม่ต้องไป on-chain
ภาพปลายทาง:
1 TX บน-chain → 10 คู่สามารถเปิด LN channel กันได้
เหมือนเป็น LN hub ที่ไม่มีศูนย์กลาง
ประโยชน์:
ลดค่าใช้จ่าย / on-chain congestion
เหมาะกับกลุ่มขนาดใหญ่ (เช่น gaming, guild, DeFi)
ตัวอย่าง:
TX A เปิด factory ระหว่าง Alice, Bob, Carol, Dave
→ Alice กับ Carol สร้าง channel กันแบบ off-chain ใน factory
→ หากมี Eltoo จะยืดหยุ่นมาก เพราะ state ย้อนกลับได้โดยไม่มี penalty
ถ้าคุณสนใจ ผมสามารถวาดภาพ:
Channel Factory Architecture
ZeroSync flow (Proof Path)
Recursive Contract Tree (BitVM style)
ต้องการให้เจาะลึกภาพไหนก่อนครับ?
👤 : - สนใจทั้งหมด เจาะลึก
- STARK คืออะไร ที่มา ประวัติ หลักการ เหตุผล
- hal finney คือผู้คิด ZKP ใช่ไหม และพิสูจน์ได้ยัง ทำไม bitcoin ยังไม่ activate
- มีแนวทางอื่นที่น่าสนใจและเกี่ยวข้องกันอีกไหม เช่น transaction V3
💬 : นี่คือไดอะแกรม Recursive Contract Tree แบบ BitVM:
เริ่มจาก root contract ที่รัน verifier
ทำงานเป็นขั้นตอน (step 1 → step 2 → step 3)
ถ้าใครไม่เห็นด้วย → มีช่องทาง challenge ด้วย proof ได้ทันที
ต่อไปคือคำอธิบาย STARK และคำถามที่เหลือแบบเจาะลึก:
1. STARK คืออะไร?
ย่อมาจาก: Scalable Transparent Argument of Knowledge
ผู้คิด: Eli Ben-Sasson (Technion, StarkWare)
หลักการ:
ใช้ 数学 + hash (เช่น Keccak, Poseidon) เพื่อยืนยันว่า “การคำนวณบางอย่างถูกต้อง” โดยไม่ต้องเปิดเผย input
ไม่ต้องใช้ trusted setup แบบ SNARK
สเกลดีมาก: proof ขนาดเล็ก, ยืนยันเร็ว, สร้างเร็ว
เหตุผลที่ STARK น่าสนใจ:
Transparent (ไม่ต้องเชื่อใคร)
Post-Quantum Safe (ไม่มี elliptic curve)
ใช้กับ L2 rollup (เช่น StarkNet), ZKBridge, ZeroSync
2. Hal Finney เกี่ยวข้องกับ ZKP หรือไม่?
ไม่ใช่ผู้คิด ZKP, แต่เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนยุคแรกๆ
ZKP ถูกคิดโดย Shafi Goldwasser, Silvio Micali, Charles Rackoff ปี 1985
แต่ Hal มีผลงานสำคัญ:
ทำระบบ RPOW (Reusable Proof-of-Work)
วิสัยทัศน์เรื่อง crypto-anonymous systems ที่สอดคล้องกับ ZKP
เชื่อในอนาคตที่ “การพิสูจน์โดยไม่เปิดเผย” คือมาตรฐานใหม่ของความโปร่งใส
3. ทำไม Bitcoin ยังไม่เปิดใช้ ZKP/STARK?
เหตุผลหลัก:
ต้องการ soft fork เพื่อเพิ่ม opcodes เช่น OP_STARKVERIFY
ต้องมี proof verifier ขนาดเล็กมาก ใส่ใน Bitcoin script ได้
กลัว complexity และ DoS vector จาก ZKP ที่ซับซ้อน
4. แนวทางอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น Transaction V3
Transaction V3:
เป็น proposal สำหรับ policy-level covenant
ช่วยให้ควบคุม UTXO แบบปลอดภัยมากขึ้น (vault, LNHANCE)
ไม่เพิ่ม opcode ใหม่ → ตรวจสอบได้โดย wallet ปกติ
เกี่ยวข้องกันอย่างไร:
เป็น “step เล็ก” ก่อนที่ Bitcoin จะไปถึง recursive ZKP หรือ full BitVM
สร้างพื้นฐานให้ chain ควบคุม UTXO ได้โดยไม่เปิดเผย logic
ถ้าต้องการ ผมสามารถสรุป roadmap เปรียบเทียบว่า:
Transaction V3 → OP_CAT → BitVM → OP_TXINVOKE → ZeroSync integration
ลำดับเทคโนโลยีเหล่านี้มีแนวโน้มเชื่อมต่อกันอย่างไร
ต้องการให้วาด roadmap แบบไดอะแกรมต่อไหมครับ?
👤 : - เหมือนเคยได้ยินว่าชาว bitcoin og ยังกังขากับ bitvm อยู่ เพราะอะไร และทำไมต้องผลักดันมาทางนี้ ไม่มี option หรือความเป็นไปได้อื่นอีกแล้วเหรอในการพัฒนา bitcoin core , bitcoin มีกี่ roadmap กันแน่
💬 : คำถามนี้ยอดเยี่ยมมาก เพราะเข้าใจรากลึกของการพัฒนา Bitcoin ว่าไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค แต่ยังมี “วัฒนธรรม” และ “ความเชื่อ” ประกอบอยู่ด้วย นี่คือคำตอบแบบเจาะลึก:
1. ทำไมชาว Bitcoin OG ยัง “กังขา” กับ BitVM
1.1 ความกลัวเรื่องความซับซ้อน (Complexity Aversion)
Bitcoin core dev หลายคนถือหลัก “Keep it simple, secure, and minimal”
BitVM ใช้ logic tree, recursive steps, ZKP → ซับซ้อนและมี edge case มาก
กลัวว่า เปิดประตูให้ bug, DoS หรือช่องโหว่ แม้ว่า logic จะ off-chain
1.2 ไม่เหมาะกับ Layer 1
BitVM ใช้ Taproot เพื่อ build logic นอก chain แล้ว settle ด้วย challenge TX → ถือว่าเป็น “pseudo-VM”
หลายคนเชื่อว่า Bitcoin L1 ไม่ควรมี virtual machine (ต่างจาก Ethereum)
จึงมองว่า ควรผลักดัน L2 มากกว่า
1.3 Proof of Concept ยังไม่ mature
BitVM v1 ยังไม่สามารถใช้ได้จริง (แค่ demo-level)
ยังไม่มี audit หรือ prototype แบบ full verification → จึงยังไม่ “convincing”
2. แล้วทำไมยังต้องผลักดัน BitVM?
เพราะข้อดีมัน “แรงมาก” ในแง่ potential:
ความสามารถ
ตัวอย่าง
Trustless oracle
Binary outcome from off-chain data
zk rollup
Validate rollup block on Bitcoin
Vault / covenant ขั้นสูง
Contract logic แบบ branching
Recursive proof verification
เหมือน Ethereum verifier บน Bitcoin
สรุป: แม้จะซับซ้อน แต่ BitVM เปิดประตูสู่ smart contract แบบไม่ต้อง hard fork
และยังคงความ “Bitcoin minimalism” ไว้ได้ (logic อยู่ off-chain)
3. ไม่มีทางเลือกอื่นเลยหรือ?
ยังมีหลายแนวทางที่ อนุรักษ์นิยมมากกว่า BitVM:
3.1 Transaction V3 (policy-level covenants)
ไม่ต้องเพิ่ม opcode ใหม่
เหมาะกับ use case อย่าง vault, LNHANCE
ง่ายกว่าและปลอดภัยกว่า
3.2 OP_CTV (CheckTemplateVerify)
เป็น covenant ที่ปลอดภัย ถูกเสนอมาแล้วหลายปี
ใช้สำหรับ batching, congestion control, vaults
ยัง controversial แต่มี PoC แล้ว (BIP-119)
3.3 OP_CAT (string concatenation)
ถูกลบไปแล้วในปี 2010 เพราะกลัว DoS
ตอนนี้กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง เพื่อรองรับ Miniscript, BitVM
4. แล้ว Bitcoin มี roadmap “กี่แบบ”?
ไม่มี roadmap เดียวแบบเป็นทางการ แต่มี 4 สายหลัก:
สายพัฒนา
แนวทาง
ตัวอย่าง
Conservative
ไม่แตะ consensus, เน้น wallet/policy layer
Transaction V3, Miniscript
Incremental Soft Forks
เพิ่ม opcode ที่ชัดเจนและปลอดภัย
OP_CTV, OP_VAULT
Covenant Layer
ขยายความสามารถของ script
Taproot + CAT/CSFS
Programmable L1
พัฒนา logic layer ผ่าน ZK/BitVM
BitVM, OP_TXINVOKE
สรุป:
ชาว OG ไม่ปฏิเสธนวัตกรรม แต่เชื่อว่า Bitcoin ต้อง “ช้าแต่ชัวร์”
BitVM จึงยังเป็น “lab experiment” สำหรับหลายคน
แต่ถ้าพิสูจน์ได้ว่าปลอดภัย → อาจเป็นตัวจุดประกาย ZK-contracts บน Bitcoin
ถ้าสนใจ ผมสามารถวาด ไทม์ไลน์ของ Bitcoin script evolution / roadmap chart ให้เห็นภาพรวมทุกสายทาง
อยากได้แบบนั้นไหมครับ?
👤 : อยากได้ จัดมา 😁🙏
💬 : เยี่ยมครับ! นี่คือ Roadmap ของ Bitcoin Script Evolution ในรูปแบบ ไทม์ไลน์ + แตกสายการพัฒนา แบบตัวอักษรชัดๆ:
[2009] Bitcoin Launch
└──> OP_CHECKSIG, IF, VERIFY, ฯลฯ
└──> ไม่มี smart contract ที่แท้จริง
[2010] OP_CAT, OP_SUBSTR, ฯลฯ ถูกลบ
└──> เพราะเสี่ยง DoS, ยังไม่มี sandbox
[2012] P2SH (BIP-16)
└──> Multi-sig แบบ flexible (3-of-5 ฯลฯ)
[2017] SegWit (BIP-141)
└──> Fix malleability, เตรียม MAST
[2021] Taproot (BIP-340-342)
└──> Schnorr Signatures
└──> Tapscript: รองรับ script ขั้นสูง
|
├──> [สาย Conservative]
| ├── Transaction V3 (vault แบบ policy)
| └── Miniscript (wallet script framework)
|
├──> [สาย Covenant]
| ├── OP_CTV (BIP-119)
| ├── OP_VAULT (timelock secure vault)
| └── OP_CSFS (custom signature flag)
|
└──> [สาย Programmable / ZK]
├── OP_CAT (string concat)
├── BitVM (off-chain logic tree)
└── OP_TXINVOKE (contract call interface)
[Next: Layer 2 Integration]
├── ZeroSync (ZK-STARK proof → trustless sync)
├── Rollup-like protocol (Ark, ZKBridge, LNHANCE)
└── Recursive Contract Tree (BitVM-style logic)
สรุป:
สาย Conservative → ปลอดภัย, พร้อมใช้, เหมาะกับ wallet/dev ทั่วไป
สาย Covenant → เสริม logic แบบมีกรอบ (template, timelock)
สาย Programmable → เสี่ยงสูง แต่เปิดทาง Smart Contract แบบ ZK / BitVM
ทุกอย่างเริ่มจาก Taproot → เป็นรากฐานสำคัญ
หากอยากได้ไฟล์ PDF/PNG หรือแบบ mindmap graph เมื่อระบบพร้อม ผมสามารถจัดให้แบบ high-res ได้ทันที
สนใจให้สรุปเป็นภาพรวมแบบ mindmap อีกเวอร์ชันไหมครับ?
👤 : - vault ต่างจาก lightning อย่างไร
💬 :
ด้าน
Vault
Lightning Network
จุดประสงค์
ป้องกันการถูกขโมย (security focus)
ชำระเงินเร็ว ราคาถูก (payment scalability)
ทำงานแบบไหน
Lock coin ไว้ แล้วมี step ถอน (เช่น delay 1 วัน, ต้องใช้ key พิเศษในการ cancel)
เปิด payment channel แล้วส่ง coin off-chain
อยู่บน chain ไหม
ใช่ อยู่บน L1 Bitcoin (แต่มีแนวคิด vault บน L2 ด้วย)
อยู่บน L2 (off-chain)
โฟกัส
“ถ้าโดน hack ให้มีโอกาส cancel”
“จ่ายเร็ว ไม่รอ confirm”
เทคนิคที่ใช้
timelock, script path, covenants (เช่น OP_VAULT, TX V3)
HTLC, penalty tx, revocation keys
ความยืดหยุ่น
กำหนด logic ของการถอนแบบยืดหยุ่นได้
ต้องเปิด/ปิด channel ล่วงหน้า
---
## BitVM: ความเชื่อและความกังขา
**ความกังขา:**
- ซับซ้อนมาก
- ยังไม่ mature
- เปิดโอกาส DoS vector
**เหตุผลในการผลักดัน:**
- ทำ ZK + smart contract บน Bitcoin ได้
- ไม่ต้อง hard fork
- ใช้ Taproot ได้เต็มศักยภาพ
---
## STARK คืออะไร?
- ย่อจาก: Scalable Transparent Argument of Knowledge
- ไม่ต้อง trusted setup
- ปลอดภัยหลังยุค quantum
- ใช้ใน StarkNet, ZeroSync
---
## Hal Finney กับ ZKP
- ไม่ใช่ผู้คิด ZKP (1985 โดย Micali ฯลฯ)
- แต่สนับสนุนแนวคิด crypto privacy
- ทำ RPOW ก่อน Bitcoin
---
## แนวทางอื่นนอกจาก BitVM
- **Transaction V3**: Vault แบบไม่เพิ่ม opcode
- **OP_CTV**: Template-based locking (BIP-119)
- **OP_CAT**: กลับมาเพื่อใช้กับ BitVM, Miniscript
- **OP_TXINVOKE**: Call tree-style contract
---
## Recursive Contract คืออะไร
- การเรียก logic แบบทับซ้อน (step-by-step)
- ใช้ challenge mechanism พิสูจน์การโกง
- เหมาะกับ BitVM-style contracts
---
## ZeroSync vs SPV
| | **SPV** | **ZeroSync** |
|--|--------|--------------|
| หลักการ | header + merkle proof | STARK proof of full chain |
| Proof Size | เล็ก แต่ต้อง sync tx | ใหญ่นิดหน่อย แต่ sync ได้หมด |
| Trust | Medium trust (assumes majority) | Trustless |
| เหมาะกับ | light wallet | stateless node, bridge |
---
## Channel Factory คืออะไร
- Multi-party channel → แยกออกเป็น Lightning channel หลายคู่
- ลด on-chain TX, เปิดปิด channel ได้เร็ว
- รองรับฟีเจอร์ Eltoo, Taproot, ZK settlement
Last updated