นโยบายคลังบิตคอยน์

แปลโดย : Gemini 2.5 Pro / credit : https://braiins.com/books/bitcoinization-of-finance

นโยบายคลังบิตคอยน์

สินทรัพย์คลังขององค์กรแบบดั้งเดิม (พันธบัตร เงินสด ฯลฯ) และกลยุทธ์การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพน้อยลงเรื่อยๆ พวกเขาประสบปัญหาจากการป้องกันเงินเฟ้อที่อ่อนแอ ศักยภาพในการเพิ่มมูลค่าที่จำกัด และการพึ่งพานโยบายของธนาคารกลาง ตรงกันข้าม บิตคอยน์ให้การป้องกันเงินเฟ้อที่แข็งแกร่ง ศักยภาพในการเพิ่มมูลค่าสูง และความเป็นอิสระทางการเงิน

อันตรายจากเงินเฟ้อ

ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ได้รับความไว้วางใจอย่างกว้างขวางจากผู้กำหนดนโยบาย ธุรกิจ และผู้เชี่ยวชาญทางการเงินว่าเป็นตัววัดเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม CPI ได้พัฒนาไปสู่ตัวชี้วัดที่บิดเบือนและถูกปั่นป่วนอย่างมาก ซึ่งไม่สะท้อนสภาพเศรษฐกิจที่แท้จริง นี่คือเหตุผล:

  • อคติในการทดแทน: สมมติว่าผู้บริโภคเปลี่ยนไปใช้ทางเลือกที่ถูกกว่าเมื่อราคาสูงขึ้น

  • การปรับตามสุขนิยม: ปรับลดอัตราเงินเฟ้อลงตามการปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่รับรู้ได้ (เช่น โปรเซสเซอร์ที่เร็วขึ้นในโทรศัพท์) แม้ว่าผู้บริโภคจะไม่ได้รับประโยชน์จากสิ่งเหล่านั้นก็ตาม

  • การไม่รวมต้นทุนสำคัญ: CPI ละเลยหรือให้ความสำคัญน้อยลงกับหมวดหมู่ที่สำคัญ เช่น ที่อยู่อาศัย พลังงาน และการดูแลสุขภาพ

  • การถ่วงน้ำหนักแบบเรขาคณิต: ลดอัตราเงินเฟ้อที่รายงานโดยลดผลกระทบของรายการที่มีราคาเพิ่มขึ้นสูงกว่า

การปรับ CPI สร้างภาพลวงตาของความมั่นคงเทียม ซึ่งนำไปสู่การที่บริษัทต่างๆ พึ่งพาสินทรัพย์ตราสารหนี้มากเกินไป ซึ่งไม่ได้ปกป้องจากภาวะเงินเฟ้อที่แท้จริง เงินเฟ้อไม่ใช่ตัวเลขที่ตายตัว — เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและต้นทุนต่างๆ ในอัตราที่แตกต่างกัน เหรัญญิกขององค์กรและ CFO ที่พึ่งพา CPI เป็นเกณฑ์มาตรฐานจะประเมินการกัดเซาะของกำลังซื้อที่แท้จริงผิดพลาด สิ่งนี้เป็นอันตรายต่อความสามารถของบริษัทในการจัดสรรทรัพยากรสำหรับการดำเนินงานและการวางแผนระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้นำธุรกิจต้อง:

  • นำมาตรวัดเงินเฟ้อทางเลือกมาใช้ (เช่น ShadowStats CPI, Chapwood Index)

  • ประเมินกลยุทธ์การบริหารเงินคงคลังใหม่โดยอิงจากการกัดเซาะกำลังซื้อที่แท้จริง

  • รวมอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำที่ปรับด้วยเงินเฟ้อจริงเข้ากับการตัดสินใจจัดสรรเงินทุน

  • ใช้การป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลายเพื่อปกป้องสินทรัพย์คงคลัง

Last updated